ปิดโฆษณา
เข้ารหัส/ถอดรหัส Base64
เข้ารหัส/ถอดรหัส Base64
รองรับการเข้ารหัสและถอดรหัส Base64 ของข้อมูลข้อความและไบนารีพร้อมตัวเลือกรูปแบบ URL-safe และ MIME รองรับการแยกวิเคราะห์ URL ข้อมูล การเข้ารหัสทีละบรรทัด และการจดจำรูปแบบอัตโนมัติ เหมาะสำหรับการเรียก API ไฟล์แนบอีเมล และการฝังข้อมูลอย่างปลอดภัยขึ้น
🚀 เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว
- กรอกข้อความ ลงในช่อง
- คลิก “เข้ารหัส” หรือ “ถอดรหัส” เพื่อประมวลผล
- ช่องเดียวใช้ทั้งรับค่าและแสดงผล สามารถคัดลอกหรือล้างได้ในคลิกเดียว
- หากต้องการตรวจสอบ ให้เข้ารหัสแล้วสลับไปแท็บ “ถอดรหัส” เพื่อทดสอบแบบไป-กลับ
📌 สถานการณ์การใช้งานทั่วไป
- URL/JWT: แนะนำให้ใช้รูปแบบ URL-safe (−/_); สามารถละ '=' ท้ายได้เพื่อลดปัญหาการ escape
- อีเมล/MIME: เมื่อต้องการตัดบรรทัด ให้ใช้ MIME 76 คอลัมน์; สำหรับเว็บทั่วไปไม่ต้องตัดบรรทัด เครื่องมือนี้มีทั้งโหมด 76 คอลัมน์และตัวเลือก LF/CRLF
- ข้อความหลายบรรทัด: เปิดโหมดเข้ารหัสทีละบรรทัดเพื่อให้แต่ละบรรทัดแยกกัน
- MIME/PEM: เปิดการตัดบรรทัด 76 คอลัมน์; เลือกใช้ LF เมื่อต้องการรูปแบบนั้น
- Data URL: เมื่อต้องการฝังข้อมูล ให้สร้าง data:[mime];base64,…; ตัวถอดรหัสจะดึงเฉพาะส่วนหลังเครื่องหมายจุลภาคให้อัตโนมัติ
- ตรวจสอบแบบไป-กลับ: เข้ารหัสแล้วถอดรหัสทันทีเพื่อยืนยันว่าข้อมูลไม่เสียหาย
🎛️ พารามิเตอร์และรูปแบบการเข้ารหัส Base64
- ผลลัพธ์แบบ URL-safe
- เข้ารหัสทีละบรรทัด (แยกแต่ละบรรทัด)
- ตัดบรรทัดตาม MIME 76 คอลัมน์
- ใช้ LF เป็นตัวขึ้นบรรทัดใหม่
- จัด padding อัตโนมัติ: ปรับความยาวให้เป็นพหุคูณของ 4 หากความยาวไม่ถูกต้องจะแจ้งเตือน
- ทนต่อช่องว่าง: ตัวถอดรหัสจะลบช่องว่างและตัวขึ้นบรรทัดให้อัตโนมัติ
🧭 คำแนะนำการใช้งาน
- ควรใช้ UTF‑8 อย่างสม่ำเสมอเพื่อลดปัญอักษรเพี้ยน
- ค่าเริ่มต้นเป็น URL‑safe; หากต้องการ Base64 มาตรฐานให้ปิดตัวเลือกนี้
- เมื่อแลกเปลี่ยนข้ามระบบ ให้ลบช่องว่างและตัวขึ้นบรรทัดออกก่อน เพิ่มกลับเฉพาะตอนแสดงผล
- Base64 ทำให้ขนาดข้อมูลเพิ่มขึ้นประมาณ 33%; หลีกเลี่ยงการใช้กับไฟล์ขนาดใหญ่มาก
- Base64 มาตรฐานสำหรับระบบเดิม: ปิด URL‑safe (คงสัญลักษณ์ +/ และ =)
- โหมดเข้ารหัสทีละบรรทัดจะเข้ารหัสใหม่แม้เป็น Base64 อยู่แล้ว หากต้องการแค่แปลงรูปแบบให้ปิดตัวเลือกนี้ก่อน
- การตัดบรรทัด 76 คอลัมน์มีผลแค่ต่อการแสดงผล ตัวถอดรหัสโดยทั่วไปจะละเลยช่องว่างและตัวขึ้นบรรทัด
⚠️ ข้อจำกัดและความเข้ากันได้
- ข้อความยาวมากอาจกระทบประสิทธิภาพการทำงาน ควรแบ่งเป็นส่วน ๆ
- ข้อมูลไบนารี: หน้านี้ออกแบบมาเน้นข้อความ หากเป็นไฟล์ไบนารีแนะนำให้ใช้ Data URL หรือเครื่องมือบรรทัดคำสั่ง
- ขนาดสูงสุดจำกัดด้วยหน่วยความจำของเบราว์เซอร์
🔒 ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
- การประมวลผลทั้งหมดเกิดขึ้นในเบราว์เซอร์ของคุณ ข้อมูลจะไม่ออกจากอุปกรณ์
- ข้อควรจำด้านความปลอดภัย: Base64 เป็นการเข้ารหัสรูปแบบ ไม่ใช่การเข้ารหัสเพื่อความลับ ควรเข้ารหัสข้อมูลสำคัญด้วยวิธีเข้ารหัสจริงก่อนแล้วค่อยแปลงเป็น Base64
❓ คำถามที่พบบ่อย
Base64 คืออะไร ทำไมต้อง “เข้ารหัส”?
Base64 คือรูปแบบการแปลงข้อมูลไบนารีให้กลายเป็นตัวอักษรที่พิมพ์ได้อย่างปลอดภัย ถูกใช้ครั้งแรกในมาตรฐาน MIME ของอีเมล และถูกรวบรวมมาตรฐานอีกครั้งใน RFC 4648 จุดประสงค์ไม่ใช่การ “เข้ารหัสลับ” แต่เพื่อให้ส่งข้อมูลไบนารีผ่านช่องทางที่รองรับเฉพาะข้อความได้อย่างเชื่อถือ หลักการทำงาน: ทุก ๆ 3 ไบต์ (24 บิต) จะถูกแบ่งเป็นบล็อก 6 บิต 4 ชุด แล้ว map ไปเป็นตัวอักษร 64 ตัว ได้แก่ A–Z, a–z, 0–9, +, /. หากความยาวข้อมูลไม่เป็นพหุคูณของ 3 จะใช้เครื่องหมาย “=” เติมท้ายเพื่อจัดความยาว ขนาดข้อมูลมักเพิ่มขึ้นราว 33% รูปแบบย่อย: RFC 4648 กำหนดรูปแบบ URL‑safe ซึ่งใช้ “-” และ “_” แทน “+” และ “/” และสามารถละ “=” ท้ายได้ แนะนำให้ใช้ URL‑safe สำหรับ URL, Cookie และ JWT; ส่วน Base64 มาตรฐาน (ใช้ +/ และ =) เหมาะกับเครื่องมือ/ไลบรารีเก่าหรือ MIME เครื่องมือนี้ตั้งค่าเริ่มต้นเป็น URL‑safe แต่ตัวถอดรหัสรองรับทั้งสองแบบ Data URL: เมื่อต้องการฝังข้อมูล ให้ใช้รูปแบบ data:[mime];base64,… แล้วถอดเฉพาะส่วนหลังเครื่องหมายจุลภาค (เครื่องมือนี้จะช่วยดึงให้โดยอัตโนมัติ) หมายเหตุด้านความปลอดภัย: Base64 เป็นเพียงการจัดรูปแบบกลับไปกลับมา ไม่ให้ความลับหรือการตรวจสอบความถูกต้อง หากต้องการความปลอดภัยควรเข้ารหัส/ลงลายเซ็นก่อน แล้วค่อยแปลงเป็น Base64
Base64 ปลอดภัยไหม?
ไม่ปลอดภัยในเชิงปกปิดข้อมูล ทุกคนสามารถถอดกลับได้ หากต้องการความลับควรใช้การเข้ารหัสแบบเข้มแข็งก่อน
ทำไมจึงขึ้นว่า “รูปแบบ Base64 ไม่ถูกต้อง”?
อนุญาตเฉพาะ A–Z, a–z, 0–9, +, / และ = และต้องมีความยาวที่สอดคล้องกับกติกา
ทำไมเครื่องมือแต่ละตัวให้ผลไม่เหมือนกัน?
ความต่างมักมาจากการตัดบรรทัด การคง/ตัด '=' ท้าย การใช้รูปแบบ URL‑safe (−/_) รวมถึงรายละเอียดการ implement ที่ต่างกัน แนะนำให้ใช้ UTF‑8 ปิดการตัดบรรทัด และตัดสินใจก่อนว่าจะใช้ URL‑safe หรือแบบมาตรฐานและจะเก็บ padding หรือไม่
ทำไมขนาดข้อมูลจึงใหญ่ขึ้น?
เพราะ Base64 ใช้ 6 บิตแทนตัวอักษร 1 ตัวเพื่อแทน 8 บิตจริง ทำให้มี overhead ประมาณ 33% เป็นคุณสมบัติของรูปแบบนี้
รองรับอีโมจิ/อักขระพิเศษหรือไม่?
รองรับหากใช้ UTF‑8 ตัวอักษรที่ไม่ใช่ข้อความล้วนเมื่อถอดรหัสออกมาอาจดูเหมือนตัวอักษรแปลก ๆ เพราะจริง ๆ แล้วเป็นข้อมูลไบนารี